แน่นอนว่าสำหรับผู้ป่วยเจาะคอที่ไม่สามารถขับเสมหะเองได้จำเป็นต้องได้รับการดูดเสมหะ แต่ผู้ดูแลหลายคนอาจมีความกังวลว่าการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคออาจเสี่ยงทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดหรือทรมานหรือไม่ หรือดูดผิดวิธีหรือเปล่า เราจะพาไปหาคำตอบ
การดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอเจ็บไหม
คำตอบ คือ การดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอไม่ทำให้เจ็บปวดหรือมีอาการเจ็บน้อยมากหากมีการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้องและเคร่งครัด กรณีดูดแล้วเจ็บอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ปรับแรงดันเครื่องดูดเสมหะไม่เหมาะสม ใช้เวลาดูดนานเกินไป ใช้แรงในการสอดสายดูดเสมหะมากเกินไป และอื่น ๆ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าหากไม่ต้องการให้ผู้ป่วยได้รับความเจ็บปวดจากการดูดเสมหะจำเป็นต้องศึกษาวิธีการทำอย่างละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนั่นเอง
วิธีดูดเสมหะ
สำหรับวิธีการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอไม่ให้ผู้ป่วยเจ็บหรือทรมานมีขั้นตอน ดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับดูดเสมหะ
หลัก ๆ ประกอบไปด้วยเครื่องดูดเสมหะ สายดูดเสมหะ (กรณีเป็นผู้ใหญ่จะใช้เบอร์ 14 – 16) ถุงมือตรวจโรคทั่วไป สารหล่อลื่นหน้ากากอนามัย น้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก ถังขยะที่มีฝา
2. เตรียมตัวก่อนดูดเสมหะ
- จัดเตรียมอุปกรณ์ไว้บริเวณหัวเตียงเพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการ
- ใช้เครื่องวัดความดันโลหิตเช็กความดันผู้ป่วย หากพบว่าความดันสูงควรให้ผู้ป่วยผ่อนคลายลงก่อนค่อยทำการดูด
3. แจ้งแก่ผู้ป่วยว่ากำลังจะดูดเสมหะ
- จัดท่าทางให้เหมาะสมโดยศีรษะจะต้องเอียงสูง 15 – 30 องศาเพื่อป้องกันการสำลัก
- กระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึก ๆ ประมาณ 2 – 3 ครั้ง กรณีผู้ป่วยหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจควรให้ออกซิเจนความเข้มข้นสูงนาน 30 – 60 วินาทีก่อนดูด
4. ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด
- ตามด้วยสวมอุปกรณ์ป้องกัน เริ่มจากถุงมือยางและหน้ากากอนามัย
- หยิบสายดูดเสมหะ ต่อเข้ากับสายจากเครื่องดูดเสมหะข้อควรระวัง คือห้ามไม่ให้สัมผัสกับสิ่งปนเปื้อน
- ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเปิดเครื่องดูดเสมหะโดยปรับแรงดัน 80 – 100 มิลลิเมตรปรอท
5. เริ่มทำการดูเสมหะ
ช่องทางการดูดเสมหะ
สำหรับช่องทางการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอหลัก ๆ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ช่องทาง ได้แก่
- ดูดเสมหะทางท่อเจาะคอ
- ดูดเสมหะทางจมูก
- ดูดเสมหะทางปาก
และสุดท้ายนอกเหนือจากการดูดเสมหะผู้ป่วยเจาะคอแล้วขั้นตอนการดูแลผู้ป่วยเจาะคอเองถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ดูแลท่อลมคอให้อยู่กับที่ จัดท่าผู้ป่วยหายใจได้สะดวก หมั่นพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังในการดูแลผู้ป่วย ฟังเสียงการทำงานของเครื่องช่วยหายใจ และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหากพบว่ามีอาการผิดปกติใด ๆ ควรรีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล